Speakout : เมื่อฉันถูกแอบถ่าย

สองสามปีที่แล้ว “เธอ” ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนแอบถ่ายคลิปตอนอาบน้ำในหอพัก หลังรู้ตัวเธอใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะเข้าแจ้งความ การขึ้นโรงพักครั้งนี้ทำให้เธอค้นพบว่า เธอไม่ได้ยอมคนง่ายอย่างที่เพื่อนๆเข้าใจ การไฟท์เพื่อตัวเองครั้งนี้ได้เปลี่ยนทัศนคติที่เธอมีต่อตัวเองอย่างมาก

1) พอจะสรุปจากต้นจนจบได้ไหมว่า ตอนแรกเรารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ แล้วพอมันจบแบบนี้ เราเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างไร

เรื่องเกิดจาก เราไปกินเบียร์กับเพื่อนผู้ชายคนนึงที่สนิทกันระดับนึง รู้จักกันมานาน เรียนอยู่ในคณะเดียวกันภาคเดียวกัน เราก็ไปกินเบียร์ แล้วมันก็มานั่งเล่นที่ห้องบ่อย ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ คุยกันหลายเรื่อง จนเราคิดว่าเราก็รู้จักพอสมควร เราก็ไว้ใจมันอ่ะ แล้วตอนกลับมาก็ฝนตกหนัก เขามาส่งที่หอ แล้วก็กลับหอตัวเองไม่ได้ เลยขอนอนด้วย นี่ก็เออๆก็ได้ ตอนจะนอนก็สร่างหน่อยนิดนึงนะ แต่ง่วงมาก เลยจัดๆเตียงให้เอาหมอนข้างขั้นระหว่างกันไปเลย คือไม่กล้าไล่ให้ไปนอนที่พื้นเพราะยังไม่กวาด

นอนไปสักพัก ไม่ค่อยชัวร์นะ รู้สึกเหมือนโดนคลำๆ จับนู่นนี่ นี่ก็แบบละเมอป่าววะ ก็พยายามหันหนีมากกว่าตื่นมาโวยวาย เพราะไม่รู้ว่ามันเมาสติครบป่าว แอบกลัวด้วยเพราะเป็นคนที่ชอบพกมีดพกอ่ะ รู้จักนิสัยดี กลัวตกใจที่เราพรวดพลาดแล้วเอาตัวรอด ตอนนั้นแอบคิดเยอะคิดมาก เลยพยายามหันนี้มากสุดเฉยๆ คิดว่าเออๆพรุ่งนี้ต้องคุยละแบบนี้ (พลาดนะที่คิดแบบนั้น) สุดท้ายก็นอนหลับไป

พอตอนเช้าเราต้องรีบไปประชุมกับเพื่อนเรา เราจะรีบอาบน้ำ แต่ด้วยสิ่งที่มันทำเมื่อคืนก็รู้สึกไม่ไว้ใจเลยไล่ๆให้ออกจากห้องไปก่อน เขาก็บอกว่าหากระเป๋าตังไม่เจอเดี๋ยวหาเสร็จแล้วจะออก เราก็เออๆ แล้วก็ขี้เกียจรอ เข้าห้องน้ำไป แล้วสักพักตอนอาบน้ำ เหมือนเห็นอะไรขยุกๆขยิกที่ช่องระบายอากาศรอบนึงก่อน เราก็ตะหงิดๆ พอหันมาอีกรอบ เห็นเป็นมือที่ถือโทรศัพท์ เราก็กรี๊ดลั่นเลย มือนั่นก็หลบไป แล้วบรรยากาศก็เงียบสักพัก

ตอนนั้นเราช๊อคเลยทำอะไรไม่ถูก กำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ในสมอง แล้วก็คิดละว่าเมื่อคืนโดนคลำจริงๆชัวๆ แต่ที่แน่ๆคือ เสียใจมาก ผิดหวังกับความเป็นเพื่อน มันทำกันได้ขนาดนี้เลยหรอวะ พอเราได้สติ เราก็ตะโกนออกไปว่าทำไมทำแบบนี้ เขาก็ตอบกลับมาว่าเราขอโทษ เราบอกว่าเราเพื่อนแกนะ เขาก็พูดแต่คำว่าเราขอโทษ อย่าไปบอกแฟนเราเลยนะ (มีการไม่ให้บอกแฟนด้วย เราคิดว่าเค้ามีสิทธิอะไรมาขอแบบนี้) เขาก็ยื่นมือถือมาให้เราลบ เราก็กดดูไปหน่อยนึงเห็นเลยว่ามันเห็นเยอะเหมือนกัน เราสะอิดสะเอียนมากๆ เลยลบทันที หมดเลย แต่โยนทิ้งขยะไปนะ ไม่ได้ลบในถังอีก โง่ในโง่ (มือถือรุ่นIphone) พอลบเสร็จเรายื่นโทรศัพท์ให้คืนแล้วก็ไล่ออกจากห้อง เค้าก็เดินออกไป เรารอให้เค้าออกไป เราจึงรีบแต่งตัวแล้วก็ออกจากห้องน้ำ

หลังจากนั้นก็เหมือนทำอะไรไม่ถูกเลย เราเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นสัปดาห์ ค่อยๆปรึกษาคนนู้นคนนี้ จนสุดท้ายก็ปรึกษาเพื่อนคนนึงที่ไว้ใจมากๆ เค้าก็บอกว่าเราควรแจ้งความ

เราตัดสินใจแจ้งความด้วยสองเหตุผล อย่างแรก เราปล่อยให้คนนึงกลับไปใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกผิด เขาอาจจะเอาไปทำอีก และอย่างที่สอง เราดันลบแบบหลวมๆ คลิปยังอยู่ไม่รู้ว่าเค้าจะทำอะไรบ้าง เราเลยตัดสินใจแจ้งความในที่สุด

 

2) ย้อนไปตอนนั้นที่เจอเหตุการณ์ใหม่ๆ รู้สึกยังไงบ้าง กังวลอะไร กลัวอะไร

ย้อนไปจุดนั้น สิ่งที่กังวลที่สุดคือเรื่องของกฎหมาย และเรื่องของครอบครัว เราไม่เคยรู้เลยว่ากฎหมายมันมีอะไรบ้างเราทำอะไรได้แค่ไหน ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนแบบนี้ มันต้องแจ้งความนะ คิดว่าไม่ถึงขั้นนั้นซะอีก ดีที่มีเพื่อนดี เตือนเราให้รู้ว่าเราต้องทำยังไง แต่กว่าตัวเองจะตั้งสติไปแจ้งความอะไรได้ก็เกือบสาย ทิ้งไว้เป็นอาทิตย์

ส่วนเรื่องครอบครัว เป็นเรื่องส่วนตัวของที่บ้าน บ้านแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ทีนี้บ้านค่อยข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยได้พูดคุยในครอบครัวบ่อยๆ พ่อแม่ก็จะคิดว่าเราเป็นลูกที่เรียบร้อยมากๆ อยู่ในกรอบแบบสุดๆ ซึ่งเอาจริงเราก็เหมือนเด็กปกติ ไปเที่ยวบ้าง กินเบียร์ ปาร์ตี้ แวบแรกเลยกลัวที่จะทำให้ท่านผิดหวัง

แต่สุดท้ายเมื่อตัดสินใจแจ้งความ ก็เลยบอกเขาไป ตอนแรกทางบ้านก็ช๊อคหน่อยๆ เขาเทศน์เรายกใหญ่ว่าแต่งตัวโป๊ยั่วเพื่อนเกินไปป่าว โดนถามนู่นนี่นั่น มันสะเทือนใจหน่อยๆ แต่สุดท้ายเค้าก็เข้าข้างเรา ช่วยเหลือเราเต็มที่

 

3) มีอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้ไม่กล้าไปแจ้งความบ้าง

ความไม่รู้กฎหมาย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการแอบถ่ายมันผิดกฎหมาย แล้วคนโดนถ่ายต้องไปแจ้งความ เรากลัวด้วยว่าเค้าจะสู้กลับ จะหาว่าเราแจ้งความเท็จ นี่ว่ากฎหมายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากนะ ถ้ารู้เอาไว้ก็จะช่วยให้มั่นใจขึ้น

 

4) ความช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์คือแบบไหน

ข้อมูลที่บอกว่าเจอสถานการณ์แบบนี้ต้องทำอย่างไรว่า เตรียมตัวยังไง ความรู้เรื่องกฎหมาย พอเราโดนกับตัวถึงได้รู้ถึงบางอ้อเลยว่า ถ้ารู้ก่อน เราก็จะตัดสินใจจะดำเนินเรื่องเร็วกว่านี้ และทุกอย่างคงดีกว่านี้มากๆ

จะบอกว่าตอนนั้นเราโทรไปมูลนิธินึงที่ตั้งเพื่อปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิงแต่ก็ผิดหวังใช้ได้ อย่างแรกคนรับเป็นผู้ชาย เราก็เล่าเรื่องราวของเราให้ฟังแล้วก็ขอคำปรึกษาว่าควรทำไงดี เค้าก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ มันถ่ายเฉยๆ ไม่ได้โพส จากนั้นเลยไม่ได้โทรไปปรึกษาแล้ว เข้าแจ้งความโลด

 

5) พอไปแจ้งตำรวจจริงๆ แล้วเหมือนหรือต่างจากที่เรากังวลไปก่อนยังไงบ้าง

เราตกใจกับคำถามแรกมาก เค้าถามว่า เราเป็นคนชวนเขาเข้าห้องหรือป่าว หรือตกลงให้เข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นแปลว่าเรายินยอมนะ เราก็แบบ จะบ้าหรอ เหตุการณ์แบบนี้โคตรปกติเลยนี่หว่า นั่นเพื่อนนะ ให้เข้าห้องปกติ ทำงาน มาเล่น นุ่นนี่นั่น เราก็งงไปเลย มีหลายคำถามเหมือนกันที่ทำให้เราช๊อค เช่น กินเหล้าเมารึป่าว หรือ แต่งตัวยังไง ตอนนั้นมีความรู้สึกหมดศรัทธากับกฎหมาย คิดว่าโลกนี้มันจะมีที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนหญิงไหมนะ แต่พอคุยๆไปเราก็แจ้งความได้ในที่สุด เพราะเราโดนแอบถ่ายตอนอาบน้ำ ถ้าแจ้งเรื่องโดนลวนลามอนาจารเฉยๆ อาจจะถูกไกล่เกลี่ยกลายเป็นยินยอมไป

อีกเรื่องที่เป็นประเด็นคือคดีของเรา เป็นคดีที่ไม่ค่อยเกิด คือแอบถ่ายตอนอาบน้ำ แต่ยังไม่เผยแพร่ลงเว็ปไซต์ ซึ่งจริงๆเราก็ยังไม่รู้อ่ะว่ายังหรือส่งให้ใครดูยัง ไม่มีทางรู้เลยเพราะทิ้งเวลานานเป็นอาทิตย์กว่าจะแจ้งความ พอเป็นคดีที่ไม่ค่อยเกิด ตำรวจจึงรื้อแฟ้มคดีเก่า แล้วก็สรุปผลว่า เป็นแค่อนาจารเท่านั้น ปรับ2,000-4,000 บาท เราตกใจมากๆ ว่ามันแค่นี้เองหรอ ทั้งๆที่ถ่ายเหมือนกันแต่ปลายทางคือลงกับไม่ลงเนี่ยนะ… ยังดีที่มีแฟ้มบัญชีดำรองรับ แบบว่าถ้าคลิปนี้หลุดมาเมื่อไหร่ จะเป็นความผิดที่รุนแรงขึ้นมาก เราเลยเบาใจหน่อยว่าเขาคงไม่ปล่อยมันออกมาแน่

 

6) ถ้าตอนนี้อยากบอกคู่กรณี จะบอกว่าอะไร

เราไม่เคยให้อภัยนะ เรายังเกลียดอยู่ แล้วก็ไม่เคยลืม ต่อไปนี้ก็จงรู้ว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอม จะทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ เราทำแบบนี้ให้นายเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นายเข้าคุกเข้าตะรางได้ กฎหมายมันใกล้แค่ไหน ระวังตัวให้มากๆ อยากให้สิ่งที่เจอเป็นบทเรียนกับนายบ้างนะ แล้วก็ถ้าไม่อยากให้คนอื่นๆ ต้องมาเจอตำรวจแบบตัวเอง ก็แนะนำเพจ consent ให้เพื่อนๆ ด้วย จะได้รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ

 

7) ถ้าจะบอกใครสักคนที่อยากได้คำแนะนำในการสนับสนุนเพื่อนของเขาหรือเธอก้าวผ่านเหตุการณ์นั้น จะแนะนำอย่างไร (ประมาณว่า คำแนะนำที่น่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับเพื่อนที่อยากช่วยเพื่อน)

 

  1. อย่างแรกคือ ลองบอกพ่อแม่ เพราะถึงเราจะรู้ๆอยู่ว่าพ่อแม่เราเป็นยังไง เค้าอาจจะดุเค้าจะว่าในตอนแรก แต่ในเคสเราพ่อแม่ยอมเดินทางจากต่างจังหวัดมาทำเรื่องให้เรา (อันนี้แล้วแต่บุคลิกทางบ้านอีกที)
  2. อย่างที่สอง หาคนที่เข้าใจกฎหมาย ถ้าได้เฉพาะทางนี้ก็ดี ปรึกษาก่อนแจ้งความว่าเราควรทำอย่างไรบ้าง
  3. อย่างที่สาม พยายามมีสติตลอด ทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง ตอนเราก็มีเรื่องที่ทำให้สติหลุด อย่างเช่น คู่กรณีเล่าเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเรายั่วเค้า ทำให้เค้าหื่น (จะบ้าหรอ!! ใครจะทำแบบนั้นกับแก) ถึงจะอารมณ์ขึ้น แต่ก็ต้องใจเย็น คุมสติ พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

 

8) จะบอกอะไรกับคนอื่นๆ ที่กำลังเจอปัญหาคล้ายๆกันอยู่บ้าง

อยากบอกว่า อย่าไปกลัว อยากให้สู้ ทุกวันนี้ที่เราสู้ไปแล้ว มันเปลี่ยนชีวิตเราเยอะมาก มันดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย ไม่งั้นมันจะเป็นตราบาปค้างคาตลอดชีวิต คนที่ทำผิดใช้ชีวิตลอยนวลอย่างไม่รู้ว่าตัวเองผิด แล้วเราก็จะจมอยู่กับสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต

 

9) ถ้าให้พูดอะไรกับตัวเองสมัยเจอเหตุการณ์ใหม่ๆ จะชมตัวเองในเรื่องอะไรบ้าง

ขอบคุณตัวเองที่ไปแจ้งความ เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนชีวิตจริงๆ จากที่ถ้าเกิดเรื่องอะไรแบบนี้เราอาจจะยอมแล้วปล่อยมันไป พอเราลุกขึ้นสู้ มันเหมือนทำลายมิชชั่นบางอย่างในใจ ถ้าไม่แจ้งความไม่ทำอะไรเลย ก็คงจะค้างคาใจแบบนั้นต่อไป

ตอนนี้มันดีมากๆ ถึงแม้ว่าคดีเราจะไม่ได้จบตามที่เราต้องการ แต่อย่างน้อยคนที่ทำกับเราก็ได้รับผลการทบพอสมควร กระบวนการทางสัมคมได้พิพากษาคนนั้นแล้ว

 

สัมภาษณ์โดย nanaaa
ภาพประกอบ si Tee​