Speakout : 8 คำถามถึงนุ่น

สิงหาคมที่ผ่านมา นุ่นเรียกร้องมหาวิทยาลัยให้เอาผิดรุ่นพี่ร่วมคณะที่ล่วงละเมิดทางเพศ ตอนนี้รุ่นพี่คนนั้นถูกพักการอนุมัติปริญญาบัตร 1 เทอม – เพจ Thaiconsent เลยฝาก 8 คำถาม เพื่อถามความรู้สึกของเธอ


1) พอจะสรุปจากต้นจนจบได้ไหมว่า ตอนแรกเรารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ แล้วพอมันจบแบบนี้ เราเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างไร

     ตอนแรกตกใจ ช็อก มันคงเป็นสิ่งที่ใครๆไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ๆ แต่หลังจากเหตุการณ์เราเปลี่ยนมากๆ เราเข้าใจ เราเซ้นซิทีฟเกี่ยวกับเรื่องนี้และเห็นปัญหาของเรื่องนี้มากขึ้น คือเข้าใจคนที่โดนกระทำว่าเขารู้สึกแย่แค่ไหน ได้รู้ว่าคำพูดหรือทัศนคติแบบไหนทำให้คนที่ถูกกระทำรู้สึกแย่ และแน่นอนว่าเราเข้มแข็งขึ้น

     เมื่อก่อนเราน่าจะเป็นคนเซ้นซิทีฟมาก ถ้ามีคนว่านิดว่าหน่อยคงเสียใจ แต่หลังจากเหตุการณ์นี้เราเรียนรู้ว่าถ้าเราสนใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเราต้องมาเครียดกับมัน แถมสิ่งๆนั้นไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น  เราเลือกที่จะไม่สนใจดีกว่า

     เอออีกอย่างใจเย็นขึ้นด้วย เวลาเห็นคอมเม้นแย่ๆ ตามเพจอยากจะไปพิมพ์ตอบ แต่คิดว่าคงไม่มีประโยชน์และเสียเวลา เราคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องตอบทีละคอมเม้น สู้เราสื่อสารออกไปในภาพใหญ่ว่าเราต้องการอะไร มีวิธีคิดแบบไหนที่มีปัญหามันน่าจะดีกว่า ซึ่งก็หวังว่าเขาจะเข้าใจ

 

2) ย้อนไปตอนนั้นที่เจอเหตุการณ์ใหม่ๆ รู้สึกยังไงบ้าง กังวลอะไร กลัวอะไร

    กลัวครอบครัวเป็นห่วง กลัวว่าถ้าเราบอกที่บ้านไป ที่บ้านจะทรีตกับเราเข้มงวดขึ้น ทำให้เราไม่อาจจะใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ตอนนั้นคิดว่าถ้าบอกพ่อแม่ เขาจะต้องเครียด จะห้ามเราไปแฮงเอาท์นอกบ้าน ห้ามนอนหอเพื่อน ห้ามกลับห้องเกินเที่ยงคืน อะไรแบบนี้ แต่พอเราไปคุยที่บ้านแล้ว โห มันแตกต่างจากที่เราคิดโดยสิ้นเชิง ปรากฎว่าที่บ้านเราเข้าใจ และยืนยันที่จะทรีตกับเราแบบปกติ

     ที่บ้านไม่ได้ว่าเราเลยว่าทำไมเราเมา ทำไมเราไปนอนหอเพื่อน เหมือนอย่างที่หลายๆคนเขาด่าว่าเรา ในทางตรงกันข้ามเขาสนับสนุนและให้กำลังใจเรา มันทำให้เรารู้สึกดีว่าอย่างน้อยที่บ้านก็เข้าใจ

     ตอนเราตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับคนรอบตัว เรากังวลว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจ มีทั้งคนที่อยากให้เราเอาเรื่องและคนที่ไม่อยากให้เอาเรื่อง แต่เราคิดว่าเราควรจะต้องทำตามความต้องการของเรา

      และพอเราสื่อสารเรื่องให้ออกไปสู่พื้นที่สาธารณะ สิ่งที่เรากังวลก็เกิดขึ้นจริงๆ ทุกคนมองว่าเราเอาตัวเองไปอยู่สถานการณ์เสี่ยง บอกว่าเราผิด แต่ไม่โทษผู้ที่กระทำผิด คนเข้าใจข้อเท็จจริงผิดพลาดไป บอกว่าเราสมยอม เราอยากดัง โห เหมือนในละครเลย 555 แต่เราไม่ได้สนใจอะไรมาก ยอมรับว่ามีเครียดบ้าง แต่รู้สึกว่าไม่ใส่ใจจะดีกว่า คำพูดแย่ๆแบบนี้ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น  ไม่ใส่ใจน่าจะดีที่สุด

 

3) มีอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราลังเลที่จะแจ้งความหรือดำเนินคดี

   อุปสรรคในความรู้สึกเรานะ ตอนแรกไม่อยากจะเผชิญทัศนคติด้านลบที่เราจะโดนตัดสินจากคนที่อยู่ในกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่รับแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ตาม เราคิดไปไกลขนาดถึงขั้นว่า ถ้าตอนแรกเรามีความตั้งใจจะเอาเรื่องเขา แล้วพอเราเจอคำพูดแย่ๆ เราอาจจะหมดหวังเกี่ยวกับเรื่องนีไปเลยก็ได้ เรากำลังพูดถึง worst case  และคิดว่ากระบวนการมันยุ่งยากและยาวนาน ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็ได้นะ

    สิ่งที่เราต้องการจากเขาคือ บทลงโทษที่เป็นรูปธรรม ซึ่งการดำเนินคดีกว่าจะมีบทลงโทษที่เป็นรูปธรรมอย่างที่เราต้องการ การฟ้องคดีทางอาญาคงต้องใช้เวลานานมาก ถ้าหากในระหว่างนั้นเรารู้สึกเหนื่อย รู้สึกล้า ไม่อยากทำอะไรต่อแล้ว สิ่งที่เราพยายามทำมาตั้งแต่ต้นจะเปล่าประโยชน์ เราอาจจะรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจรู้สึกแย่กับกระบวนการยุติธรรม และอาจจะคิดอยู่ตลอดว่าเราไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย ทำอะไรไม่ได้จริงๆใช่มั้ย ทำไมโลกมันโหดร้ายจัง

    ซึ่งเราไม่อยากคิดแบบนั้นไง

 

4) ตลอดเหตุการณ์ที่ผ่านมา ความช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์คือแบบไหน

    คำแนะนำจากคนที่เข้าใจ เป็นคำแนะนำที่ช่วยให้เราตัดสินใจว่าถ้าเราเลือกทางนี้ มันมีผลดี ผลเสียอะไรบ้าง แต่คำแนะนำนั้นต้องไม่เป็นคำตัดสินนะ ไม่ใช่ว่าเราไม่เลือกแจ้งความแล้วมาว่าเราว่า “ตอนโดนไม่แจ้งความตั้งแต่ทีแรก ไม่เข้าใจเลย ทำไมไม่ทำอย่างนี้ อย่างนี้หล่ะ ไม่ทำแบบนี้คือโง่นะ”  อะไรแบบนี้เราค่อนข้างไม่โอเค

     คนทั่วๆไปอาจจะรำคาญก็ได้นะ แนะนำแล้วไม่เห็นทำตาม พูดอะไรนิดหน่อยก็หาว่าตัดสิน แต่เราอยากให้มองในมุมผู้ที่ถูกกระทำว่าเรารู้สึกแย่ และเป็นตัวเราคนเดียวที่ต้องแบกรับทุกสิ่ง ความรู้สึกแย่จากตัวเหตุการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราเลือกดำเนินคดี เราอาจจะต้องแบกรับความรู้สึกกดดันในการดำเนินคดีนั้นด้วย อยากให้เข้าใจกัน สิ่งที่คิดว่าจะช่วยให้ผ่านความรู้สึกแย่ๆคือกำลังใจ แค่เคารพการตัดสินใจของเราก็พอแล้วว

 

5) พอไปแจ้งตำรวจจริงๆ แล้วเหมือนหรือต่างจากที่เรากังวลไปก่อนยังไงมั่ง

     เราไม่ได้ไปแจ้งตำรวจจ้า แต่มีคนแนะนำว่าจริงๆควรจะแจ้งนะ เดี๋ยวนี้ความผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศของไทยพัฒนาไปไกลมากๆแล้ว เวลาสอบสวนจะต้องสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิงที่ผ่านการอบรมมาแล้ว การค้นหาพยานหลักฐานก็ไม่ได้ยากมากมายอย่างที่เราคิด รัฐค่อนข้างเซ้นซิทีฟเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร พอเรารู้แบบนี้แล้ว ถ้ามีคนโดนเหตุการณ์แบบเดียวกับเรา เราคงแนะนำให้เขาไปแจ้งความดำเนินคดีอาญา แต่สุดท้ายเขาจะทำหรือไม่ทำ เราก็เคารพเขาอ่ะเนอะ

 

6) ถ้าจะบอกใครสักคนที่อยากได้คำแนะนำในการก้าวผ่านเหตุการณ์นั้น จะแนะนำอย่างไร ?

     เข้มแข็งให้มากๆนะ เรามองไม่ออกเลยว่าสังคมไทยจะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ยังไงนอกจากอาศัยความเข้มแข็งของคนที่โดนกระทำ เราอยากให้ทบทวนให้ดีๆว่าสิ่งที่เราต้องการจริงๆคืออะไร ถ้าเราต้องการอะไรแล้ว เราก็ทำในสิ่งที่ต้องการ เช่น ต้องการจะให้บทเรียนเขาหรือต้องการจะสื่อสารเรื่องราวของตัวเองให้สังคมรู้

     เราต้องทำให้ได้ ไม่ต้องไปสนใจคนที่เขามาด่า มาว่าเรา คนแบบนี้มันมีอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้อยู่แล้ว แต่ยังไงซะเราต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นพอผ่านเหตุการณ์นี้ไป ถ้าเราไม่ได้ทำตามความต้องการของเราจริงๆตั้งแต่ทีแรก เราคงจะมานั่งเสียดาย นั่งโทษตัวเองว่าตอนแรกทำไมไม่ทำแบบนี้หล่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยเนอะ  

 

7) จะบอกอะไรกับคนอื่นๆ ที่กำลังเจอปัญหาคล้ายๆ กันอยู่บ้าง

     เข้มแข็งนะ เวลาเหนื่อยๆ รู้สึกไม่ไหวก็พูดกับเพื่อนที่เข้าใจ หาอะไรทำ เล่นฟิตเนส อ่านหนังสือ ไปดูหนังที่ชอบ  ฟังเพลงที่ชอบ เราไม่อยากให้หมกมุ่นกับตัวเหตุการณ์เกินไป เราเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้ลืมกันง่ายๆ  บางคนถึงขนาดเป็นแผลในใจ เกลียดตัวเองก็มี คือมันแย่มากนะ สิ่งที่เกิดขึ้นก็แย่มากพอแล้ว แต่ความรู้สึกหลังจากเกิดเหตุการณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เราเลยไม่อยากให้คนอื่นต้องมานั่งจมไง เอาเวลาไปทำอะไรที่ตัวเองมีความสุขดีกว่าเนอะ

     เราเชื่อว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งเอง ถ้าผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ เราย้อนกลับมามองตัวเอง แน่นอนว่าความรู้สึกที่เรามองตัวเองเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแน่ๆ

 

8) ถ้าให้พูดอะไรกับตัวเองสมัยเจอเหตุการณ์ใหม่ๆ จะชื่นชมตัวเองในเรื่องอะไรบ้าง

   “ดีใจที่เธออดทนกับหลายๆสิ่งที่ผ่านมานะนุ่น แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอยังทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกเยอะ เธอยังสื่อสารปัญหาของเรื่องนี้ต่อไปได้ ให้คำแนะนำคนอื่นที่เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันได้ เราเชื่อว่าสิ่งที่เธอทำ สังคมไทยจะค่อยๆขยับไปทีละนิด ทีละนิด อย่าเหนื่อยที่จะพูดที่จะสื่อสารนะ”  5555 แบบนี้ได้มั้ย

 

อ่านเรื่องราวความเป็นมาของเคสแบบจุใจได้ที่ http://johjaionline.com (เขียนละเอียดดีมาก)