เงียบแปลว่ายอมไหม? เริ่มแล้วหยุดไม่ได้จริงหรือเปล่า? มาทำความเข้าใจกันดีกว่าว่าการล่วงละเมิดทางเพศคืออะไร
การล่วงละเมิดทางเพศคือพฤติกรรมทางเพศใดๆก็ตามระหว่างบุคคลเพศใดก็ตามที่:
- ไม่เท่าเทียมด้วยความแตกต่างทางอายุ ความสามารถทางปัญญา สถานะ และบทบาท
- ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ต้องการและยินยอมให้เกิดขึ้น
- มีการบังคับกดดัน
- อาจรวมไปถึงการสัมผัส การมีเพศสัมพันธ์ การโชว์ของลับ
- การคุยโทรศัพท์ในแง่ลามกอนาจาร หรือพฤติกรรมทางเพศในโลกไซเบอร์ เช่น
- การรับชมภาพยนตร์ลามกอนาจารเด็กและเยาวชน เป็นต้น
ทำไมถึงเกิดการล่วงละเมิดทางเพศขึ้น
คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่ตอบได้ง่ายถึงแม้จะมีทฤษฎีหลายข้อที่สามารถอธิบายถึงสาเหตุของการล่วงละเมิดทางเพศได้แต่ก็ยังไม่มีคำตอบที่ทุกคนสามารถเห็นพ้องต้องกันได้ สิ่งที่เรารู้ตอนนี้คือ:
- การล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในสังคมของเรามากกว่าที่เรารู้
- แบบสอบถามของ Christchurch Health and Development
เมื่อไม่นานมานี้ได้ทำการติดตามเด็ก 1,000 คนตั้งแต่แรกเกิดและพบว่าเด็กผู้หญิงจำนวน 7.3% และเด็กผู้ชายจำนวน 3.4% ถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนอายุ 16 ปี - ตำรวจควรจะเชื่อถือเวลามีผู้มาเเจ้งความกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศและดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มกำลัง
- ผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศบ่อยครั้งมีเหยื่อหลายคนและเริ่มแรกจะไม่ค่อยเปิดเผยพฤติกรรมการล่วงละเมิดของตนทั้งหมด
- ผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศสามารถหาวิธีได้หลากหลายมากในการโยนความผิดให้เหยื่อและลดความผิดของตน
- พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศทั้งหมดล้วนเกิดจากการตัดสินใจของผู้ล่วงละเมิดเองที่จะทำ
- บุคคลบางคนทั้งหญิงและชายอาจเกิดความรู้สึกทางเพศกับเด็ก และถ้าเขาแสดงออกซึ่งความรู้สึกนั้นต่อเด็กหรือผู้เยาว์ นั่นถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ
- ผู้ใหญ่บางคนอาจเกิดความรู้สึกทางเพศกับผู้ใหญ่เท่านั้นในเวลาปกติ แต่อาจจะเข้าหาเด็กทางเพศเมื่อประสบความเครียดอย่างหนัก เช่นโดนไล่ออกจากงาน หรือ หย่าร้าง เป็นต้น
- ผู้ล่วงละเมิดทางเพศบางคนเป็นเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศหรือถูกทอดทิ้งเองในเวลาเด็ก ซึ่งนี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่พวกเขาจะทำการล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่นเมื่อโตขึ้น แต่คือข้อเท็จจริงเท่านั้น
- ในขณะเดียวกันผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศจำนวนมากดำรงชีวิตต่อไปโดยที่ไม่กลายมาเป็นผู้กระทำเลยตลอดชีวิต
- ผู้กระทำบางคนล่วงละเมิดทางเพศเด็กและผู้เยาว์เพื่อที่จะได้รู้สึกถึงอำนาจและการควบคุมที่เขาไม่สามารถรับรู้ได้จากความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่คนอื่นๆ
- นี่คือเหตุผลบางส่วนเท่านั้นที่ตอบคำถามว่าทำไมบุคคลบางคนถึงล่วงละเมิดทางเพศเด็กและผู้เยาว์
แต่ไม่มีเหตุผลข้อไหนเลยที่สามารถเป็นข้ออ้างของเพศสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ได้ ไม่ว่าสาเหตุของการล่วงละเมิดทางเพศจะเป็นอะไรก็ตาม - ผลกระทบที่มีต่อผู้ถูกกระทำนั้นรุนแรงและจะอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต
ข้ออ้างต่างๆ เช่น
- เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์อื่น เกิดขึ้นตอนเมา
- ผู้กระทำรู้สึกผิดหวังกระสับกระส่าย
- ถูกใช้เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบเท่านั้น
การล่วงละเมิดทางเพศเป็นความผิดของผู้กระทำเสมอ
- 4 ใน 5 กรณีของการล่วงละเมิดทางเพศ ผู้กระทำเป็นคนที่เด็กรู้จัก
- ผู้กระทำอาจเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย คนดูแล พี่น้อง เพื่อนบ้าน ครู หมอ ผู้นำที่โบสถ์ และอื่นๆ
- บ่อยครั้งผู้ถูกกระทำเป็นคนที่เด็กไว้ใจและสามารถใช้โอกาสนั้นล่วงละเมิดทางเพศเด็กได้
- เหยื่อหลายคนกลัวที่จะบอกคนอื่นว่าตัวเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ และอาจปกปิดเรื่องนั้นว่าไม่ได้เกิดขึ้น
- ถึงแม้ว่าผู้กระทำจะถูกจับได้และสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นบุคคลปลอดภัยหรือปล่อยผ่านไปได้
- การล่วงละเมิดทางเพศสามารถสร้างความเจ็บปวดและความยากลำบากแก่ผู้รอดชีวิต ครอบครัว และเพื่อนของพวกเขา นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศจึงสำคัญมาก
อำนาจและความรุนแรง
- ทัศนคติอีกอย่างหนึ่งที่สามารถอธิบายการล่วงละเมิดทางเพศได้คือการใช้อำนาจเหนือบุคคลอื่นเพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ การใช้อำนาจอาจหมายถึงการบังคับขู่เข็ญ ความรุนแรง การคุกคาม หรือการหลอกลวง
- บุคคลบางพวกเชื่อว่าเป็นการยอมรับได้ที่จะใช้การบังคับขู่เข็ญเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ
- นี่เป็นทัศนคติที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ที่บอกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการมีความหมายและสิ่งที่ผู้อื่นต้องการไม่มีความหมายเลย
การโทษเหยื่อด้วยความผิดและความอ่อนแอ
- ทัศนคติอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้อธิบายการล่วงละเมิดทางเพศคือผู้ถูกกระทำนั้นเป็นฝ่ายผิด
- คำพูดที่ว่า “เธอไม่น่าแต่งตัวแบบนั้นเลย”
- “เขาเด็กเกินไปที่ออกมาข้างนอกคนเดียวดึกขนาดนั้น”
- “เธอไม่ควรที่จะขอติดรถไปกับคนแปลกหน้า”
- หรือ “เขาไม่น่าดื่มเยอะขนาดนั้น”
- ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เสนอว่าพฤติกรรมของเหยื่อเองยินยอมให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศขึ้น
สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักคือ
- คุณไม่ได้ทำอะไรผิด
- ความผิดและความรับผิดชอบเป็นของผู้กระทำเสมอ
- ไม่มีใครขอให้ตัวเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- ไม่มีใครสมควรจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- การล่วงละเมิดทางเพศคือการใช้อำนาจในทางที่ผิดเสมอ
เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการยินยอม
1.ความเงียบไม่ใช่การยินยอม
การยินยอมนั้นหมายถึงการตอบตกลงอย่างชัดเจนในการที่จะมีกิจกรรมทางเพศใดๆ ทั้งนี้ การไม่ปฏิเสธ ไม่ได้หมายถึงการยินยอม
2.การยินยอม หมายความว่า
• คุณรู้และเข้าใจสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น (ไม่ใช่ไม่รู้ตัว หมดสติ หรือขาดสติสัมปชัญญะ)
• คุณรู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไร
• คุณสามารถบอกได้ว่าต้องการทำอะไร
• คุณมีสติครบถ้วน (ไม่ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด)
บางครั้ง ในทางกฎหมายถือว่าคุณไม่สามารถให้ความยินยอมในกิจกรรมทางเพศใดๆ ได้ เช่นในกรณีต่อไปนี้
• เมื่อถูกคุกคาม บังคับ ข่มขู่ หรือหลอกล่อให้ยอม
• ขาดสมรรถภาพ เช่น เมาสุรา เมายาเสพติด มึนเมา หมดสติ หรือนอนหลับไม่รู้สึกตัว
• ขาดสมรรถภาพทางจิตในการกระทำ (เนื่องจากป่วยหรือพิการ)
• เป็นผู้เยาว์ในทางกฏหมาย
โปรดจำไว้ว่า
• การยินยอมนั้นต้องดำเนินไปตลอดทั้งกระบวนการ ไม่ใช่จากการตอบคำถามเพียงครั้งเดียว ถ้าหากว่าคุณได้ยินยอมที่จะมีความสัมพันธ์ไปแล้ว คุณก็สามารถที่จะเปลี่ยนใจและหยุดได้ทุกเมื่อ แม้ว่ากิจกรรมดังกล่าวจะได้เริ่มไปแล้วก็ตาม
• เคยยินยอมในอดีต ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยินยอมในอนาคต การยินยอมในความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องยินยอมในความสัมพันธ์ครั้งนี้หรือครั้งต่อๆ ไปในอนาคต
• การยินยอมมีความสัมพันธ์ทางเพศ ไม่ได้หมายถึงการยินยอมในทุกๆ กิจกรรมที่จะเกิดขึ้น หากคุณยินยอมที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศ นั่นหมายถึงคุณยินยอมก็ต่อเมื่อมันเป็นกิจกรรมทางเพศที่คุณรู้สึกสะดวกใจในช่วงเวลานั้นและกับบุคคลคนนั้นเท่านั้น
อะไรที่ไม่ถือว่าเป็นการยินยอม
• การเงียบ การที่ไม่ปฏิเสธไม่ได้หมายถึงตอบรับ
• เคยยินยอมมาแล้วก่อนหน้านี้ การยินยอมในอดีตไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมในปัจจุบันเสมอไป การถามความสมัครใจถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางเพศทุกๆ ครั้ง
• การคบหาหรือมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่แต่งงาน กำลังคบหาดูใจ หรือมีความสัมพันธ์ทางเพศกันมาก่อน ไม่ได้หมายถึงการยินยอมเสมอไป
• เมาและขาดสติ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ alcohol, drugs, and sexual assault
• ไม่ต่อสู้ขัดขืน การไม่ตอบโต้หรือขัดขืนทางกาย ไม่ได้หมายถึงการยินยอม
• แต่งกายหรือเต้นรำที่ยั่วยุอารมณ์ทางเพศ หรือพูดจาหยอกล้อ จะถือว่ายินยอมต่อเมื่อตอบตกลงเท่านั้น
การบีบบังคับทางเพศหมายถึงอะไร
การล่วงละเมิดทางเพศอาจไม่ได้หมายถึงการใช้กำลังเสมอไป การบีบบังคับทางเพศหมายถึงการมีความสัมพันธ์โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มีความต้องการ ซึ่งเกิดขึ้นจากการถูกกดดัน ล่อลวง หรือบีบบังคับโดยไม่ใช่ทางร่างกาย
ไม่ว่าใครก็กระทำการบีบบังคับทางเพศได้ ยกตัวอย่างเช่น สามี คู่รัก เพื่อน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือคู่เดท
ตัวอย่างของการบีบบังคับทางเพศเช่นอะไรบ้าง
การกดดันทางอารมณ์หรือสังคม เพื่อบีบบังคับให้อีกฝ่ายยอมมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ต้องการ สำหรับวิธีการที่อีกฝ่ายจะใช้เพื่อนำไปสู่การบีบบังคับทางเพศ นี่คือตัวอย่างของการบีบบังคับทางเพศ
ทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนด้วยการขอมีเพศสัมพันธ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด รู้สึกแย่ รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ มักใช้ถ้อยคำดังต่อไปนี้
• “ถ้ารักกันจริง ก็ต้องยอม”
• “ขอเถอะนะ นี่วันเกิดเรา”
• “คุณไม่รู้หรอกว่าทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”
ทำให้คุณรู้สึกว่าสายเกินไปแล้วที่จะปฏิเสธ
• “แต่ตอนนี้ผมมีอารมณ์ไปแล้วนะ”
• “ผู้ชายเริ่มแล้วหยุดไม่ได้หรอก”
บอกว่าการไม่มีเพศสัมพันธ์ด้วยจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณลงไป
• “อะไรๆ ก็ดีอยู่แล้ว จะทำให้มันพังทำไม”
• “ถ้าไม่ยอม เราเลิกกัน”
โกหกหรือข่มขู่โดยการปล่อยข่าวลือแย่ๆ เกี่ยวกับคุณ
• “ใครๆ ก็คิดว่าเรามีอะไรกันแล้ว เธอก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
• “ยังไงฉันก็จะบอกคนอื่นอยู่ดีว่าเราทำไปแล้ว”
ให้สัญญา
• “ผมจะตอบแทนให้คุ้มค่าเลย”
• “คุณก็รู้ผมมีเส้นสายเยอะแค่ไหน”
ข่มขู่ลูกหรือคนในครอบครัวของคุณ
• “ถ้าเธอไม่ยอม ฉันจะไปทำกับลูกสาวเธอแทน”
ยกเรื่องที่ทำงานงาน บ้าน หรือโรงเรียน ขึ้นมาเพื่อขู่
• “ผมนับถือการทำงานของคุณที่นี่นะ และผมจะเกลียดมากถ้าจะมีอะไรมาเปลี่ยนความรู้สึกนี้”
• “ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าปีนี้จะให้โบนัสใครดี”
• “ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเช่าหรอก มีอย่างอื่นที่เธอทำแทนได้”
• “เรียนมาหนักขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เกรด A ไม่เสียใจแย่เหรอ”
จะตอบอย่างไรดีเมื่อถูกบีบบังคับทางเพศ
การถูกบีบบังคับทางเพศไม่ใช่ความผิดของคุณ ถ้าหากคุณรู้สึกว่าถูกกดดันให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ คุณสามารถพูดออกมา หรือหลบออกไปจากสถานการณ์นั้น แม้จะเสี่ยงที่จะจบความสัมพันธ์หรือทำร้ายความรู้สึกคนอื่นแต่ก็ยังดีกว่าการที่ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ
เรามีโอกาสที่จะถูกล่วงละเมิดจากคู่รักหรือคู่สมรสได้ไหม?
แน่นอน การล่วงละเมิดทางเพศหมายถึงกิจกรรมทางเพศที่เราไม่ต้องการ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
การล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดจากคู่รักหรือคู่ครองเกิดขึ้นบ่อยมาก กว่าครึ่งของเหยื่อที่ถูกข่มขืนนั้น เกิดจากคู่รักหรือคู่ครองของตนเอง
เหล้าและยาเสพติด เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่
แน่นอน ทั้งสองสิ่งมักเกิดขึ้นพร้อมกัน ผลการวิจัยบอกว่า 3 ใน 4 ของคนร้ายดื่มเหล้าขณะก่อเหตุ
นอกจากนี้ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ราวครึ่งหนึ่งของเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศก็ดื่มด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าการดื่มเหล้าจะทำให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศเสมอไปผู้ก่อเหตุหลายรายเลือกใช้เหล้าเป็นเครื่องมือเพื่อให้เหยื่อหย่อนสมรรถภาพในการให้ความยินยอม ขัดขืน รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น หรือจำเหตุการณ์ที่ถูกล่วงละเมิดได้ ผู้ก่อเหตุมักอาศัยโอกาสที่เหยื่อดื่มเหล้าอยู่ก่อนแล้วโดยการชักชวนให้ดื่มมากกว่าปรกติ
ผู้ก่อเหตุหลายคนใช้ยา โดยผสมลงไปในเครื่องดื่ม แม้กระทั่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรืออาหาร โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว ยาเหล่านี้มีผลทำให้สูญเสียความทรงจำดังนั้นเหยื่อจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางรายใช้ยาชนิดอื่นประกอบด้วย เช่น ยาอี กัญชา หรือ ยาตามใบสั่งแพทย์ ซึ่งคนเหล่านี้จะให้เหยื่อกินยาด้วยความเต็มใจหรือบางครั้งก็ไม่รู้ตัว
คนที่เมาสุรา ถูกวางยา มึนเมาเพราะฤทธิ์ยา ไม่สามารถให้ความยินยอมได้ และเมื่อไม่ได้ยินยอม กิจกรรมทางเพศใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศทั้งสิ้น
ถ้าถูกล่วงละเมิดทางเพศควรทำอย่างไร
อ่านต่อได้ใน >> ขอความช่วยเหลือ
Translated by – Kittiya, Tawanchai N,