เมื่อการสื่อสารเรื่องเพศกันอย่าตรงไปตรงมากลายเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าปีนเขาเอเวอเรสต์ เราจะทำยังไงให้เข้าใจง่ายขึ้น? เทียบง่ายๆ กับการชวนเพื่อนไป “ดื่มชา” คือว่าตอนเพื่อนไม่อยากดื่มน่ะ เราคงไม่เอาชากรอกปากเพื่อนใช่ไหมล่ะ
คงเป็นเรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เวลาจะถามใครสักคนว่า “อยากมีอะไรกันมั้ย” การสื่อสารเรื่องเพศกันอย่าตรงไปตรงมากลายเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าปีนเขาเอเวอเรสต์ เวลาจะพูดแต่ละทีก็ใส่โค้ดลับกันยิ่งกว่าเข้ารหัสอินิกม่า แม้จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร (ก็แหม หนังสือเรียนสุขศึกษาบอกว่ามีอารมณ์ทางเพศให้ไปเตะบอลนี่! ) แต่ถึงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มกันจริงๆ ก็คงจะไม่มีใครเดินออกจากห้องไปสนามบอลระงับอารมณ์ หลายคนเลยอาจใช้วิธีมโนร้อยแปดตลบ มองตาก็รู้ใจ แค่สบตาก็รู้แล้วว่าสมยอม หรือพออีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ ไม่มีสติพอที่จะพูดก็เออออห่อหมกไปว่าอีกฝ่ายตกลง การจินตนาการล้านแปดยิ่งกว่าขูดเลขใบ้หวยกลับกลายทำให้การสื่อสารผิดพลาด นำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศที่สร้างบาดแผลโดยไม่รู้ตัว
“อ้าว แล้วจะทำไงล่ะ?” คุณอาจนึกฉงนในใจ ก็อีกฝั่งเขาอาจเขินจนไม่กล้ายอมรับก็ได้นี่นา จะไปเสียเวลาคะยั้นคะยอไปทำไม รีบๆ ทำ รีบๆ เสร็จไม่ดีกว่าเหรอ?
แน่นอนว่าการสื่อสารอาจเป็นเรื่องยุ่งยากในบางเวลา คุณอาจคิดเข้าข้างตัวเองด้วยตรรกะหลายรูปแบบเท่าที่จะสรรหาได้ เมื่อถึงจุดที่ #คงมคปณค (ความงงไม่เคยปราณีใคร) คุณก็อาจลืมถามความเห็นของหล่อน แล้วกระแทกกระทั้นความเป็นชายของคุณเข้าไปโดยไม่ใยดีความแห้งผากของเจ้าหล่อน ปิดท้ายด้วยโคว้ตแรงบันดาลใจยอดฮิต ไว้แก้ตัวเวลาคุณแอบรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ
- เป็นแฟนกันแล้วทำไมจะเอาไม่ได้?
- ตอนแรกตกลง จู่ๆ ก็จะหยุดกลางคันซะงั้น แบบนี้ก็เสียอารมณ์หมดสิ
- ถ้าไม่ให้จะมายั่วทำไม?
- ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก็น่าจะโอเคนี่นา
- วันก่อนก็บอกโอเค แปลว่าวันนี้ก็ต้องโอเค
ไม่แปลกที่เรื่องเซ็กส์แบบเท่าเทียมจะไม่ถูกสอนโดยหนังเอวีที่ (ส่วนใหญ่) เป็นของผู้ชาย โดยผู้ชาย เพื่อผู้ชาย แต่การละเลยเรื่องคอนเซ้นท์ก็นำไปสู่ตรรกะผิดๆ บางอย่างที่ถูกนำมาใช้อ้างในการละเมิดทางเพศอีกทอด วัฒนธรรมการล่วงละเมิดทางเพศเป็นปัญหาสำคัญที่ควรตระหนัก เพราะการข่มขืนจำนวนมากไม่ได้เกิดจากคนแปลกหน้า ชายชุดดำ หรือผู้ร้ายในโคนัน แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากคนใกล้ตัว หรือแม้แต่ตัวสามี/ภรรยาเอง
วัฒนธรรมการข่มขืน (rape culture) ยังไม่ได้ถูกตระหนักและแก้ปัญหาอย่างจริงจังในบ้านเรา และแม้แต่ที่ต่างประเทศเองก็ยังงงๆ งวยๆ กับเจ้าคำว่าคอนเซ้นท์นี่เหมือนกัน แบบไหนละเมิด แบบไหนไม่ละเมิด จะอ่านบทความวิชาการก็ตัวหนังสือยุ่บยั่บไปหมด แล้วจะเอายังไงดีล่ะ เจ้าเรื่องคอนเซ้นท์เนี่ย!
เจ้าหน้าที่ตำรวจ Thames Valley Police แห่งสหราชอาณาจักรก็ปิ๊งไอเดีย ทำคลิปกิจกรรมยอดฮิตของชาวอังกฤษ จิบชาฮิปๆ ชิคๆ ยามบ่าย เทียบคอนเซปท์การคอนเซ้นท์ในเรื่องเพศ แค่นั่งจิบชาสวยๆ ก็เข้าใจเรื่องเพศได้ภายในสองนาที
แต่เอ๊ะ?? แล้วเรื่องจิบชากับเซ็กซ์นี่มันเกี่ยวกันยังไงล่ะ?
… โอเค มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ลองนึกภาพง่ายๆ ว่า คุณชวนเพื่อนสาวไปนั่งจิบชายามบ่ายที่บ้าน
คุณอาจถามหล่อนว่า อยากจิบชาสักแก้วไหม?
- หล่อนตอบว่าไม่เอา คุณก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปชงชาให้เหนื่อย ย้ำ! ห้ามชงชาเด็ดขาด! ห้ามบังคับ ห้ามนอยด์ที่หล่อนไม่อยากกินชา (การยอมรับการตัดสินใจของกันและกันคือพื้นฐานของคอนเซ้นท์)
- หล่อนตอบว่าไม่แน่ใจ คุณก็อาจเดินไปชงชา หรือไม่ชงก็ได้ (แล้วแต่ศรัทธาและแต้มบุน)
แต่ถ้าไปชงมาแล้วหล่อนบอกไม่เอา คุณก็คงไม่เอาชาร้อนๆ ไปสาดใส่หน้าเธอหรอกใช่ไหม?
- หล่อนตอบตกลงไปในตอนแรก คุณเดินไปชงชา แต่พอกลับมาเธอก็เปลี่ยนใจไม่อยากกินแล้ว
แน่ล่ะว่าคุณอาจรู้สึกเซ็งๆ และรู้สึกเสียน้ำใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะยัดเยียดขู่เข็ญให้หล่อนดื่มชาของคุณยังไงก็ได้ เพราะหล่อนไม่ได้มีหน้าที่ต้องดื่มชาถ้วยนั้นแม้แต่นิดเดียว
- คงไม่มีใครอยากดื่มชาตอนหลับอยู่ หรือเมาไม่ได้สติ ห้ามเสียดายชาแล้วจับกรอกปาก ทั้งๆ ที่เธอหลับอยู่ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม ถ้าลองถามคนที่สลบเหมือดว่า “อยากกินชาไหม” ก็คงไม่มีคำตอบอะไรกลับมา
- ไม่มีคำตอบ = ไม่โอเค ห้ามมโนไปเองเด็ดขาด!
- แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะบอกโอเค แต่ถ้าเผลอหลับไประหว่างชงชาก็อย่าไปหวังดีจับชาป้อนให้กิน คุณควรเอาชาไปเก็บ เช็คว่าหล่อนยังโอเคดีไหม ปลอดภัยไหม และที่สำคัญ ย้ำ! ห้ามจับชากรอกปากเธอเด็ดขาด!
- ถ้าเธอตอบโอเค และเริ่มจิบชาไปแล้วแต่เผลอหลับก่อนดื่มเสร็จ ก็ควรหยุดไว้แค่นั้น
แหงล่ะว่าคงไม่มีใครอยากจิบชาตอนหลับอยู่
- เมื่อวานเธออาจบอกว่าอยากดื่มชา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันนี้เธอจะอยากดื่มมันอีก ควรถามให้ชัวร์ทุกครั้งก่อนไปชง ดื่มชาครั้งเดียวไม่ได้แปลว่าจะอยากดื่มตลอดเวลา
ถ้าเข้าใจโลจิคง่ายๆ ของการจิบชา คอนเซ้นท์ทางเพศก็คงไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อม แน่นอนว่าเซ็กซ์ไม่ใช่การจิบชา และถุงใบชาดาร์จีลิ่งก็ไม่เหมือนถุงยางรสสตรอเบอรี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นการจิบชา หรือการมีเซ็กซ์ สิ่งที่เป็นหัวใจหลักก็คือเรื่องความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย และไม่ได้เป็นรหัสลับอินิกม่าที่ต้องให้อลัน ทัวริ่งมาแก้
ทวนให้ชัดว่าเธออยากกินชา เราก็อยากกินชา และอย่าไปจับถ้วยชากรอกปากใคร แค่นี้ก็โอเคแล้ว.
ปล. บทความนี้ขอถือวิสาสะใช้วิธีบรรยายแบบ heteronormative เหมารวมเป็นคู่หญิง–ชายเพื่อความสะดวกในการใช้คำสรรพนาม แต่อ่านแล้วก็จินตนาการใส่คำอื่นๆ แทนได้ตามสะดวก (ฉัน เรา เขา ผม เธอ หล่อน หรือจะ #น้องง ก็แร้วแต่แต้มบุน)
by Nattanan Warintarawet